ระบบการวางเงินเดิมพันแบบทบต้นเมื่อเล่นแพ้หรือ negative progression เป็นระบบที่คิดค้นขึ้นมาเพื่อรูปแบบการเล่นที่ต้องการเล่นพนัน ทำกำไรแบบก้าวหน้าไปเป็นไปในทิศทางเดียว โดยที่ไม่ทำให้เกิดการ swing ของเงินทุนขึ้นลงไปมา และทำให้ผู้เล่นออกจากเกมได้ด้วยจำนวนเกมที่ชนะที่ตายแล้ว และใช้เวลาน้อยที่สุด ซึ่งเป็นระบบที่คิดมาดีแล้วว่าเหมาะกับการเล่นแบบ aggressive หรือการเล่นแบบกล้าได้กล้าเสีย แต่ก็ยังมีคนที่หาวิธีลดความเสี่ยงให้กับวิธีการดังกล่าวโดยการเพิ่มเงื่อนไขให้เริ่มเล่นที่จำนวนเงินที่ต่ำที่สุด และใช้เรื่องของอัตราคูณที่สูงกว่าเท่าตัวเข้ามาช่วยแทน ซึ่งขัดแย้งกับหลักการทำงานของตัว martingale เองอยู่แล้ว
มาร์ติงเกลเปรียบเสมือนการวางเดิมพันแบบ all or nothing คือถ้าไม่ใช่ว่าชนะติดต่อกันจนทำเงินได้ตามเป้าหมายก็คือการแพ้ติดต่อกันจนเงินหมดและไม่สามารถทบเงินเพิ่มได้ เสมือนการถูกบังคับให้แพ้ไปโดยปริยาย ดังนั้นการวางเดิมพันด้วยเงินเยอะและถึงยอดได้ยิ่งไวแค่ไหนก็ยิ่งดี การที่ผู้เล่นคิดว่าการเพิ่มจำนวนเกมที่สามารถแพ้ได้ก่อนที่เงินจะหมดนั้นเป็นแนวคิดที่สวนทางกับการทำงานของระบบนี้ และเป็นการเพิ่มความเสี่ยงให้กับตัวผู้เล่นเองมากกว่าจะเป็นการลดความเสี่ยงเสียอีก เพราะแม้ว่าจะสามารถแพ้ติดต่อกันได้หลายเกมมากขึ้น เช่นจาก 6 เกมเป็น 10 เกม แต่ว่าในเกมหลังๆที่แพ้ติดต่อกันก็ยังจะต้องวางเงินเป็นจำนวนก้อนใหญ่อยู่ดี โดยที่โอกาสแพ้ในทุกๆเกมนั้นก็ยังคงมีเท่าเดิม
โดยสรุปก็คือ เครื่องมือและวิธีการเดินเงินใดๆก็ตามที่ถูกคิดค้นขึ้นมา มีจุดอ่อนจุดแข็งของมันอยู่แล้ว การที่เราจะเอาแนวคิดที่สวนทางกับหลักการทำงานของกลยุทธ์ดังกล่าวมาใช้ ไม่ได้ช่วยอุดช่องโหว่หรือลดความเสี่ยงให้กับตัวผู้เล่น แต่เป็นการเพิ่มโอกาสที่จะสุ่มไปเจอชุดเกมที่แพ้ติดต่อกันมากขึ้นไปอีก เปรียบเสมือนว่าเงื่อนไขในการออกจากเกมด้วยการชนะ คือจำนวนเกมที่ชนะ 10 เกม แบบไม่ต้องติดต่อกัน และเงื่อนไขที่จะออกจากเกมด้วยการแพ้คือการแพ้ติดต่อกัน 7 ครั้งซึ่งอาจจะดูเป็นไปได้ยากที่จะเกิดขึ้น และยิ่งทำให้จำนวนเกมที่แพ้ติดต่อกันได้มีจำนวนมากขึ้นจะลดความเสี่ยงลง แต่ในความเป็นจริงก็คือโอกาสแพ้ติดต่อกันไม่ว่าจะกีเกมก็ยังเท่าเดิมอยู่ดี และการเอาตัวเองไปอยู่ในเกมยิ่งนานก็จะยิ่งมีโอกาสมากขึ้น